ข่าวสาร

หน้าแรก > ข่าวสาร
  • 8 มิ.ย. 2564

การดูแลสุขภาพฟันแต่ละช่วงวัย ตอนวัยรุ่น

เมื่อลูกอายุ 14 ปีขึ้นไป หรือลูกเริ่มเป็นวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว ในปากจะมีแต่ฟันแท้ซึ่งขึ้นเกือบครบ 32 ซี่ ยกเว้นฟันกรามสุดท้าย 4 ซี่ ที่จะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 18 ปีขึ้นไป

วัยรุ่นเป็นวัยที่มีฟันผุมากที่สุดเพราะมักหักง่าย และชอบกินชอบขบเคี้ยว ขนมหวาน ลูกอมต่าง ๆ นอกจากนั้นมักจะมีปัญหาโรคเหงือกอักเสบที่เป็นกันมาก เพราะไม่ค่อยรักษาความสะอาดปากและฟัน ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ทำให้การอักเสบที่มีเล็กน้อย ทวีความรุนแรง โดยจะต้องดูแลดังนี้

กินอาหารที่เป็นประโยชน์และลดอาหารที่เป็นโทษต่อฟัน เช่น อาหารหวาน ติดฟันง่าย เปรี้ยวจัด เปื่อยไปเหนียวไป หรือแข็งเกินไป ฝึกกินอาหารให้เป็นเวลา เพราะการกินอาหารระหว่างมื้อบ่อย ๆ โดยเฉพาะของหวานเหนียวติดฟัน จะทำให้ฟันผุง่าย ใช้ฟันให้ถูกต้อง ไม่ควรใช้ฟันขบกัดของแข็ง อาทิ ปากกา ดินสอ ตะปู เข็ม หรือเปิดจุกขวด เพราะจะทำให้ฟันแตกบิ่นเสียหาย หรือโยกคลอนได้ง่ายรักษาความสะอาดช่องปากและฟันโดยแปรงฟันอย่างถูกต้อง

หัดตรวจฟันตนเองทุกวันหลังแปรงฟัน และให้ทันตแพทย์ตรวจฟันอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติจะได้รีบรักษาแก้ไขได้

โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพ หรือโทร.1719

ที่มา : https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/dental-cosmetic-and-implant-center-th/dental-articles-th/item/1093-tooth02-th.html

อ่านเพิ่มเติม
  • 7 มิ.ย. 2564

รากฟันเทียม เพิ่มบุคลิกภาพ และการบดเคี้ยวดั่งฟันธรรมชาติ

เมื่อสูญเสียฟัน ควรที่จะต้องได้รับการใส่ฟันทดแทน โดยรากฟันเทียมเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้กลับมาใช้งานฟันซี่นั้นได้เป็นปกติอีกครั้ง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งยังคงความสวยงามไว้ได้

รู้จักรากฟันเทียม

รากฟันเทียมเป็นการนำรากเทียมที่ทำมาจากวัสดุไทเทเนียมหรือเซรามิกที่มีลักษณะคล้ายสกรูใส่เข้าไปในขากรรไกร โดยใช้รากฟันเทียมเป็นหลักยึดครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมถอดได้ทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยใช้เวลาในการรักษาทั้งหมดประมาณ 3-6 เดือน โดยระยะเวลาและจำนวนครั้งในการมารับการรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องการทำรากฟันเทียม เป็นต้น

ทำไมต้องทำรากฟันเทียม

จุดประสงค์ของรากฟันเทียมนั้นเป็นไปเพื่อการทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยสามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อยึดครอบฟันหรือสะพานฟันเพื่อเป็นฟันที่ติดแน่นในปากเลย หรือใช้ยึดฟันปลอมถอดได้ ช่วยให้ฟันปลอมถอดได้มีการยึดอยู่ที่แน่นขึ้น ไม่หลวมหลุดง่าย

เตรียมตัวก่อนรักษา

หากทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าควรทำรากฟันเทียม การเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียมนั้นประกอบด้วย

1.พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสภาพช่องปาก

2.รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษา โดยทั่วไปหากสามารถควบคุมโรคประจำตัวได้ดีก็สามารถรับการรักษาโดยใช้รากฟันเทียมได้ เพราะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กภายใต้ยาชาเฉพาะที่

กระบวนการทำรากฟันเทียม

1.ทันตแพทย์ทำการตรวจสภาพช่องปากและเตรียมสภาพช่องปากให้เรียบร้อย

2.ถ่ายภาพรังสีเพื่อดูปริมาณกระดูกและอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

3.พิมพ์ปากผู้ป่วย เพื่อนำมาวางแผนการรักษา

4.ในบางกรณีอาจต้องมีการถ่ายภาพรังสี 3 มิติเพิ่มเติม

5.ทันตแพทย์ผ่าตัดเพื่อใส่รากเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสม ในบางกรณีอาจต้องมีการผ่าตัดเสริมกระดูกก่อน

6.รอให้กระดูกยึดเกาะกับรากฟันเทียมให้แน่น  ประมาณ 2-3 เดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกผู้ป่วย เป็นต้น

7.เมื่อรากเทียมติดแน่นกับกระดูกดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ฟัน ทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม และนำมาใส่ในช่องปากต่อไป

8.นัดพบผู้ป่วยเพื่อตรวจติดตามอย่างเหมาะสม

การดูแลหลังทำรากฟันเทียม

  • แปรงฟันให้สะอาด
  • ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูกอ่อน
  • พบทันตแพทย์ตามเวลาที่กำหนด ทุก 3 หรือ 6 เดือน

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

  • รับประทานอาหารได้ปกติ
  • ดูแลทำความสะอาดง่าย คล้ายการดูแลฟันธรรมชาติ
  • ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิต
  • สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • อายุการใช้งานนาน โดยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ป่วย

ที่มา : https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/dental-cosmetic-and-implant-center-th/dental-articles-th/item/2576-implants-th.html

อ่านเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรมเมจิกสไมล์ คลินิกทันตกรรม จัดฟันเชียงใหม่ ทันตกรรมครบวงจร